วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

คำถามท้ายบท 1

ฟังนิทาน ดูหนังจีนควบฝรั่ง หนังแขกควบไทย มาหลายเรื่อง ถามหน่อยดิ๊ว่า...
  1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
  2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
  3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
  4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
โหลๆ ตอบด้วย

39 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 มีนาคม, 2552 11:09

    ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยค่ะ

    ข้อ 1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งที่ดีและสวยงามมากๆๆค่ะ

    ข้อ 2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ... ผลกระทบที่ดีของคนไทยก็คือทำให้เกิดการเรียนรู้ ศึกษา รับรู้ความหลากหลายของแต่ละวัฒนธรรมและแต่ละท้องถิ่น การตีความที่แตกต่างกันทำให้เกิดการเรียนรู้ยอมรับและนำมาผสมผสานจนเกิดความเข้าใจและปฏิบัติถูกต้องดีงาม มีผลต่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันค่ะ


    ข้อ 3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    .... เท่าที่จำได้ในขณะนี้คือ ไทยรบกับพม่า มาช้านานตั้งแต่ครั้งกรุงศรึอยุธยา (ไม่ทราบว่านานไปหรือเปล่า) สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และเมื่อไม่นานมานี้ก็ เรื่องเขาพระวิหารค่ะ (เอาเท่านี้ก่อนให้คนอื่นคิดบ้างค่ะ)



    ข้อ 4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ......ได้อย่างดียิ่ง ๆ ค่ะ และเกิดประสิทธิภาพค่ะการสื่อสารสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ค่ะ

    เท่านี้ก่อนค่ะ

    พลอยรัตน์ พวงชมภู 515- 260-015

    COMMUNICATION ART DPU

    ตอบลบ
  2. "เกิดประสิทธิภาพค่ะการสื่อสารสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้"

    ง่ะ.. เข้าใจยาก สื่อความง่ายๆ ด้วยภาษาง่ายๆ มีตัวอย่างประกอบหน่อยดิ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ18 มีนาคม, 2552 13:05

    ธันษ์ชนก 51524-0003

    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    = ในความคิดเห้นนะคะ คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันนะ ไม่ว่าจะเป็นสภาพความเป็นอยู่หรือแม้แต่การศึกษา เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต (นวัตกรรมต่างๆ) ซึ่งเราก็สามารถที่จะเรียนรู้ในด้านต่างๆ ได้ (ในสิ่งที่ดีนะ) เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    = คนไทยเรามีข้อเสียอย่างหนึ่งคือการรับมาซึ่งวัฒนธรรมที่แปลก ไม่ว่าจะเป็นค่านิยมที่จะต้องไปเรียนต่อเมืองนอก หรือแม้แต่การแต่งกาย ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการแต่งกายที่คนไทยรับมาจากต่างประเทศนั่น ไม่ได้คิดเลยว่าจะมีผลกระทบหรือว่าผลตอบกลับมายังไง ในการแต่งกายที่เลียนแบบทางวัฒนธรรมของเขามา
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั่นก็ตามการศึกษาของต่างประเทศเขาล้ำหน้ากว่าประเทศไทยเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าคนไทยเอาการศึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและความเป็นอยู่ของคนไทยก็ดีนะ
    ซึ่งถ้ามองแล้วมันก็มองได้ทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ดีคะ

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    = เท่าทีจำได้ว่า คนไทยเราเคยสู้รบกับพม่าเพื่อแย่งชิงแผ่นดินที่อยู่ (ไม่รู้ว่าตรงประเด็นหรือเปล่านะคะ ไม่เก่งประวัติศาสตร์เลย)

    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    = การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราเข้าใจกับการสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งทำให้เรารู้ว่าเราควรจะวางเช่นไรกับบุคคลแบบไหน นะค่ะ แล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนต่างวัฒนธรรมมองเราในแง่ดีคะ

    จบการแสดงความคิดเห็นค่ะ
    คำตอบที่ตอบไปไม่รู้ว่าจะตรงประเด็นหรือเปล่านะคะ เพราะอาจจะเป็นคาบแรกที่เรียนเลยไม่รู้ว่าจะตอบในแนวนยั่น
    แต่คิดว่าที่ตอบไปก็น่าจะใช่ได้อยู่นะคะ

    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  4. "คนไทยเราเคยสู้รบกับพม่าเพื่อแย่งชิงแผ่นดินที่อยู่" เอ... หรือว่ามันเป็นเหตุผลทางการเมืองของชนชั้นสูง...

    อ๊ะ แฮ่ม..

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ18 มีนาคม, 2552 20:25

    นลินทิพย์ ^-^ 515260009

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?

    ตอบ การพบกันระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกตั้งแต่อดีต เป็นสิ่งที่ดีด้วยเพราะว่า ในการพบนั้นได้นำซึ่งวัฒนธรรม ภาษา การดำรงชีวิตของชนชาติของตนติดมาด้วย ก่อให้เกิดพัฒนาในรูปแบบต่างๆ เช่น ในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านได้มีโอกาสเดินทางไปทวีปยุโรปหลากหลายประเทศท่านได้นำความรู้และวิทยาการ เช่น ด้านสาธารณสุข หรือ ถนน และการเดินทาง เป็นต้น นำมาปรับใช้และพัฒนาประเทศไทยให้มีเจริญให้เท่าทันอารยประเทศ

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?

    ตอบ จากที่คนไทยได้รับอารยธรรมตะวันตกที่ไหลบ่าอย่างไม่หยุดได้มีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ในเรื่องของภาษาและการแต่งกาย ในเรื่องภาษาในปัจจุบันเราจะเห็นว่า มีจะภาษาที่พูดทับศัพท์ไปเลยแม้จะภาษาไทยก็ตามและคนส่วนใหญ่มักจะพูดทับศัพท์ไปเล่น คำว่า คอมพิวเตอร์ ในด้านเครื่องแต่งกาย คนไทยนิยมชุดที่เป็นสากล เช่นชุดสูท มากกว่าจะใส่เสื้อผ้าไหม แม้จะมีการรณรงค์ในปัจจุบันก้อยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?

    ตอบ ในประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้นมีความเกี่ยวพันธ์กับต่างชาติกันมาอย่างยาวนาน หากจำไม่ผิดจะเด่นชัดก็คงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ประเทศไทยได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับต่างชาติมาตลอด เห็นได้จากเครื่องสังคโลกที่นำมาจากเมืองจีน แม้แต่ทหารอาสาในอดีตยังมีชาวต่างชาติมาร่วมรบด้วย เช่นชนชาติ โปรตุเกส ญี่ปุ่น มอญ เป็นต้น และเมื่อมามองในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านก็มีเหตุการณืที่มีการปฎิสัมพันธ์กับชาวต่างชาติอย่างเด่นชัด ในยุคนั้นเหล่ามีผู้เงินมักจะส่งบุตรหลานไปเรียนยังต่างประเทศ อีกยังกรณีพิพาทเรื่องดินแดนอีก ทำให้ในสมัยรัชกาลที่ 5 หากจำไม่ผิดนั้นได้มีการจ้างมิชนารีมาสอนภาษาให้เหล่าพระราชกุมารและพระราชกุมารี เพื่อให้ทราบถึงภาษาอังกฤษ เพื่อให้เกิดความเข้าใจใน 2 ประเทศ

    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?

    ตอบ การเข้าใจในประวัติก็เปรียบเหมือการเข้าใจรากฐานของคนอดีต ทำให้ทราบถึงรูปแบบความสัมพันธ์เมื่อครั้งในอดีต หากมีความสัมพันธ์ด้วยดีกันมาตลอดย่อมส่งผลดีในปัจจุบัน หากยังมีเรื่องข้อพิพาทที่ต่างไม่เข้าใจกัน คนรุ่นหลังที่มาเรียนรู้ก็ควรจะนำมาปรับเปลี่ยนแก้ไข เพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นดีขึ้น หากเรารู้จุดบกพร่องของการไม่เข้าใจกันคือเรื่องการสื่อสาร เรายิ่งควรนำมาแก้ไขให้ทันที เช่นเรียนรู้ภาษากลาง คือ ภาษาอังกฤษให้มีความเข้าใจ และสื่อสารให้เกิดความเข้าใจตรงกันใน 2 วัฒนธรรม

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ18 มีนาคม, 2552 21:36

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ ในทัศนะของข้าพเจ้า คิดว่าการพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก มีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดี ในส่วนของข้อดีคือ การไหลของวัฒนธรรมหนึ่งไปสู่วัฒนธรรมหนึ่ง จนทำให้เกิดอารยธรรมต่างๆมากมายรวมถึงวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมเช่นในปัจจุบัน และทำให้เกิดประวัติศาสตร์ให้กับคนรุ่นหลังได้ศึกษา
    แต่ในส่วนของข้อเสียนั้น ก็คือ การเข้าไปครอบงำทางวัฒนธรรมจากประเทศทางโลกที่หนึ่ง เนื่องจากมีอำนาจไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเงิน กำลังทหาร ฯลฯ มากกว่าประเทศทางซีกโลกตะวันออกหรือประเทศโลกที่สาม
    ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันในด้านของอำนาจในการเจรจาต่อรอง เป็นต้น


    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?

    ตอบ ผลกระทบที่คนไทยได้รับก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น จากเดิมคนไทยกินข้าวด้วยมือ ก็เปลี่ยนมาใช้ช้อน ไปจนถึงช้อนกลาง หรือ การที่คนไทยสามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ได้มากกว่า 1 ภาษา ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นเมืองขึ้น(อย่างเต็มรูปแบบ)นั่นก็เพื่อที่จะให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากประเทศซีกตะวันตก
    จนทำให้ในยุคปัจจุบัน คนไทยหลายๆคนได้ลืมวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมที่ดีงามของไทยไปทำให้วัฒนธรรมที่เอกลักษณ์ประจำชาติค่อยสูญหายไปกับการวิวัฒนาการทางวัฒนธรรม
    นอกจากนี้การรับวัฒนธรรมจากโลกตะวันตกมาโดยไม่กลั่นกรอง และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง จึงทำให้เกิดการนำวัฒนธรรมไปใช้อย่างผิดๆ จนสั่งสมเป็นนิสัย จึงบ่มเพาะให้กลายเป็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เช่น การแต่งกายไม่สุภาพ ไปวัด เป็นต้น


    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?

    ตอบ ประเทศไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มากมาย นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมา(เท่าที่พอจะนึกออกค่ะ)ก็มีการติดต่อกับชาวต่างชาติมาโดยตลอด เช่น ชาวโปรตุเกส ฮอลันดา จีน ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ
    ซึ่งก็ทำให้คนไทยได้รับวัฒนธรรม เทคโนโลยีใหม่ๆจากอีกซีกโลกหนึ่งเข้ามา เช่น การทำขนมทองหยิบทองหยอด ถ้วยชามสังคโลก ปืนใหญ่ แท่นพิมพ์ การรักษาโรคแบบแผนปัจจุบัน รวมถึงการเข้าร่วมในสงครามครั้งสำคัญๆของโลก ฯลฯ
    จนกระทั่งมาถึงในปัจจุบันประเทศไทยของเราก็ได้เข้าไปมีบทบาทในระดับโลกมากมาย เช่น องค์การการค้าโลก ฯลฯ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากต่างชาติมากขึ้น

    แต่เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษก็คือการที่รัชกาลที่5เสด็จประพาสยุโรปด้วยพระองค์เอง เพื่อทำการทูตและเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับชาวต่างชาติ แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของนักปกครองอย่างแท้จริง


    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ การที่เราเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเอง หรือประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นๆ ก็เหมือนกับเป็นการที่เรารู้จักพื้นฐานของ ประเทศนั้น(ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า กำพืด)ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร หากทำการศึกษา จนเกิดความเข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อเราต้องติดต่อสื่อสารกับคนที่มาจากวัฒนธรรมอื่นๆ ก็จะทำให้การสื่อสารประสบความสำเร็จ

    นรินทร์พร 51525-0008

    ตอบลบ
  7. อ่าาาาาา... น่าสนใจ

    "การเข้าใจในประวัติ (ศาสตร์) ก็เปรียบเหมือการเข้าใจรากฐานของคนอดีต ทำให้ทราบถึงรูปแบบความสัมพันธ์เมื่อครั้งในอดีต"

    นี่พูดเหมือนคนรักเรื่องประวัติศาสตร์เลยนะเนียะ เห็นคุณค่าของสาขาวิชานี้จริงๆ

    Good!

    ตอบลบ
  8. "หากทำการศึกษา จนเกิดความเข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อเราต้องติดต่อสื่อสารกับคนที่มาจากวัฒนธรรมอื่นๆ ก็จะทำให้การสื่อสารประสบความสำเร็จ"

    หมายถึง?

    เราเข้าใจตัวเอง? เราเข้าใจความสัมพันธ์กับชาติอื่นที่เคยมีมาในแต่อดีต? เราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงจากอดีตมาปัจจุบัน? แล้วคุยกับคนอื่นได้สำเร็จนี่ยังไง?

    ขยายความซะหน่อยก็จะชัดขึ้นจร้าาาา

    ตอบลบ
  9. 1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ สามารถมองได้เป็น 2 แง่ ในแง่ดีคือ เป็นการเปิดรับความรู้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษา เทคโนโลยี รวมไปถึงศาสตร์ต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ในบ้านเมืองนั้นๆ แต่แง่ร้ายก็คือเป็นการพบกันโดยมีผลประโยชน์แอบแฝง เช่นการล่าอาณานิคมของประเทศทางยุโรป เพื่อปล้นชิงทรัพยากรของประเทศนั้นๆ และนำไปสู่ปัญหาต่างๆ มากมายซึ่งส่งผลกระทบสู่ปัจจุบันใน ไม่ว่าจะเป็นการจับคนผิวดำมาเป็นทาส แต่เมื่อยุคทาสหมดไป คนดำก็ถูกคนขาวเหยียดผิว เป็นต้น
    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ ได้รับผลกระทบในเรื่องของความไม่นิยมในรากเหง้าของตนเอง ซึ่งเกิดจากการหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็วของวัฒนธรรมต่างชาติ เช่น ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม คนไทยมักแต่งกายด้วยชุดสากลเป็นหลัก รวมไปถึงวัฒนธรรมการกิน จากที่เคยเปิบข้าวด้วยมือ ก็ต้องมารับประทานด้วยช้อน-ส้อม ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อปัจจุบันทั้งสิ้น ทำให้วัฒนธรรมไทยดั้งเดิมนั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมในปัจจุบันเท่าที่ควร
    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ เท่าที่ทราบ คนไทยติดต่อค้าขายกับต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย โปรตุเกส ฮอลันดา ฯลฯ มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเรื่อยมา จนมาถึงกรุงศรีอยุธยาก็มีการติดต่อค้าขายรวมไปถึงการนำคนต่างชาติมาช่วยงานในราชสำนักในด้านที่บุคคลนั้นๆ เชี่ยวชาญ เช่น คอนสแตนติน ฟอลคอน, ยามาดะ (ลืมนามสกุลครับ) ในสมัยธนบุรีนั้น ชาวจีนในไทยก็มีส่วนช่วยพระเจ้าตากฯ ในการกอบกู้เอกราชของชาติ และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้นได้มีการเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติมากเป็นพิเศษในช่วงรัชกาลที่ 5 โดยอาจจะสังเกตได้จากพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงประพาสไปยังนานาประเทศ โดยเน้นหนักไปในทางแถบยุโรปเป็นพิเศษ เนื่องจากในขณะนั้น ประเทศในแถบยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส รัสเซีย ล้วนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง การทหารและเทคโนโลยี และเพื่อที่จะให้ประเทศไทยมีความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศ จึงจำเป็นต้องออกไปเปิดหูเปิดตายังประเทศข้างต้นที่กล่าวมา
    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ ทำให้เราทราบว่าเราควรสื่อสารอย่างไรเพื่อไม่ให้ไปกระทบจุดละเอียดอ่อนของความรู้สึก เช่น เราไม่ควรพูดเรื่องพรรคนาซีกับคนเยอรมัน หรือไม่ควรพูดถึงพระมหากษัตริย์ในทางที่ไม่ดีกับคนไทย ซึ่งเรียกอีกอย่างได้ว่า “พูดให้ถูกหู”
    ปฏิพล ซอกิ่ง 51526-0016

    ตอบลบ
  10. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 00:10

    ธนวุฒิ โรจน์สุรกิตติ (ตี๋) 51526-0020
    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ เป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะทำให้เกิดการหลอมรวมกันของวัฒนธรรมทำให้เกิดการยอมรับซึ่งกันและกัน เช่น วัฒนธรรมตะวันตกการจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ เมื่อเราเข้าใจในวัฒนธรรมเค้าแล้วก็จะเกิดการยอมรับ ภาษาการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการติดต่อสิ่อสาร และยังรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความเชื่อต่างๆ เช่น ฝรั่งนำหลักฮวงจุ้ยของตะวันออกมาใช้ แต่ก็มีข้อเสียเช่น การแบ่งแยกเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา ซึ่งนำไปสู่สงครามนำมาซึ่งความสูญเสีย

    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ ได้รับผลกระทบจากการไหลเข้ามาของวัฒนธรรม ทำให้ลืมเลือนวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่ตัวเองเป็นอยู่ เช่น คนไทยนิยมความโก้เก๋ด้วยการใช้ของนอก โดยลืมสินค้าของไทยที่ดีกว่า ทางด้านเทคโนโลยี เช่น การสร้างบ้านแบบตะวันตก ซึ่งไม่เหมาะสมกับบ้านเราที่เป็นเขตร้อนเหมือนบ้านทรงไทยของเรา ที่รับลมปลอดโปร่งมากกว่า

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ การเข้ามาของพระพุทธศาสนาสู่ดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบัน เมื่อประมาณ พ.ศ.236 ด้วยการส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศต่าง ๆ 9 สาย โดยการอุปถัมภ์ของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดีย ในขณะนั้นประเทศไทยรวมอยู่ในดินแดนที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ ซึ่งมีขอบเขตกว้างขวาง มีประเทศรวมกันอยู่ในดินแดนส่วนนี้ทั้ง 7 ประเทศในปัจจุบัน ได้แก่ ไทย พม่า ศรีลังกา ญวน กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ซึ่งสันนิษฐานว่ามีใจกลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐมของไทย เนื่องจากได้พบโบราณวัตถุที่สำคัญ เช่นพระปฐมเจดีย์ และรูปธรรมจักรกวางหมอบเป็นหลักฐานสำคัญ แต่พม่าก็สันนิษฐานว่ามีใจกลางอยู่ที่เมืองสะเทิม ภาคใต้ของพม่า พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่สุวรรณภูมิในยุคนี้ นำโดยพระโสณะและพระอุตตระ พระเถระชาวอินเดีย เดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนาในแถบนี้ จนเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับ สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น อเมริกา จีน และประเทศใกล้เคียง

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ ทำให้เราสามารถเข้าใจรากฐานความเป็นมาหรือภูมิหลังของคนนั้นๆไม่ว่าจะเป็น ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม สามารถทำให้เราเข้าใจเค้ามากยิ่งขึ้นและทำให้ง่ายต่อการสื่อสาร เช่น คนเยอรมันบ้าอำนาจกินแต่ไส้กรอกกับเบียร - -" คนญี่ปุ่นคำนับอยู่นั่นแหละและก็กินแต่ของดิบๆ ><" คนแอฟริกาตัวดำ เหม็นเป็นต้น อิอิ...จบแล้วคร๊าบบบบ

    ตอบลบ
  11. "ยามาดะ (ลืมนามสกุลครับ)"
    ตอบ เค้านามสกุล นางามาสะ (desu)

    "สื่อสารอย่างไรเพื่อไม่ให้ไปกระทบจุดละเอียดอ่อนของความรู้สึก"
    อืมม์... Good point! ดี... มั่กๆ

    ตอบลบ
  12. "การไหลเข้ามาของวัฒนธรรม"
    แสดงว่าวัฒนธรรมเป็นธาตุลม หรือธาตุน้ำ?

    "คนเยอรมันบ้าอำนาจ"
    รู้ได้อย่างไร??? ประวัติศาสตร์ตรงไหนบอกว่าอำนาจเกี่ยวกับอาหาร?

    ขอคำตอบที่มีหลักฐานชี้ให้เห็นว่า ประเพณีต่างๆ เชื่อมโยงกันได้อย่างไรในเชิงประวัติศาสตร์ด้วย ตอบโดยใช้ความเห็นที่เชื่อมโยงกันแบบบอกว่า hotmail มาจากคำว่า ฮอด (ถึง) ในภาษาอีสาน เพราะคนคิดเป็นคนอีสานที่อยากส่งเมลให้ถึงทุกคน คงไม่รู้จะหาคะแนนให้ได้งัยอ่ะ

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 10:02

    น.ส. สุณัญญา รุ่งสว่าง 51522 0008
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดี
    หรือเปล่า?
    ตอบ คิดว่าดีนะคะเพราะทำให้ได้มีการแลกเปลี่ยนกันในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม หรือภาษา ทำให้ได้ความรู้ของประเทศอื่นๆมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งการติดต่อระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา ทำให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วัฒนธรมมต่างๆรวมไปถึงการเพิ่มพูนความรู้ได้อีกด้วย

    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ ได้รับเพราะ ในปัจจุบันคนไทยก็ซึมซับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษาในการพูดคุยหรือการเขียน การรับประทาน หรือการสวมใส่เสื้อผ้าก็จะรับวัฒนธรรมตะวันตกมากมาย และในด้านการค้าคนไทยก็ยังมีมาจนถึงปัจจุบันคนไทยก็มีการติดต่อการค้ากับตะวันตก ดังนั้นจากเหตุการณ์ในอดึตก็ส่งผลมาถึงในปัจจุบันอย่างมาก

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ มีเหตุการตั้งแต่สมัยที่โปรตุเกตุเข้ามาทำการค้ากับไทยในสมัยกรุงศรีอยุทธยา
    สงครามโลกครั้งที่ 2ที่ไทยต้องเข้าร่วมสงครามไปโดยปริยาย เนื่องจากไทยได้เปิดประเทศให้ญี่ปุ่นเป็นทางผ่านและมีกองทหารญี่ป่นเข้ามาตั้งค่ายในไทย รวมไปถึงการตั้งเสรีไทยที่เป็นกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนฝ่ายสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามโลกครั้งที่2

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ ทำให้เราทราบถึงภูมิหลังทำให้เรากล่าวอ้างสิ่งใดสิ่งหนี่งออกมาได้ สามารถยกตัวอย่างมาประกอบเพื่อนให้การสื่อสารเกิดความเข้าใจมากขึ้น นำมาเปรียบเที่ยบกับสถานะการณ์ปัจจุบันได้ ทำให้เราเข้าใจคนที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกับเราได้ง่ายขึ้นหากเราทราบเรื่องราวของเขามา

    ตอบลบ
  14. สถานุ วิศวานันท์
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ประเพณี สินค้า ภาษา ของโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก หากไม่พบกันคงไม่มีเส้นทางสายไหม การสร้างสัมพันธ์ไมตรีระหว่างชนชาติเกิดขึ้น ตัวอย่างคือ มาร์โค โปโล ที่เดินทางที่เป็นเส้นทางสายไหมเค้าเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่มาติดต่อกับชาวตะวันออกซึ่งตอนนั้นคือ กษัตริย์กุปไบล ข่าน สิ่งที่การเดินทางครั้งนี้ได้กระทำ, ก็คือการกระตุ้นต่อการแสวงหาเครื่องเทศของชาวยุโรปและความหรูหราอื่นๆของตะวันออก. โคลัมบัส เป็นตัวอย่าง อ่านหนังสือบันทึกของมาร์โคและได้ทำบันทึกลงในหนังสือี้ของเขา. เขาได้เขียนข้อความว่า มันเป็นเพราะบันทึกการเดินทางเกี่ยวกับคาเธ่ย์ หรือประเทศจีนของมาร์โค โปโล นั่นเอง ที่ทำให้โคลัมบัสมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกในปี 1492 เปรียบเสมือนเป็นการต่อยอดจากการติดต่อของมาร์โค

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ เหตุการณ์เส้นทางสายไหม กล่าวคือ เหมือนเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทยก็ว่าได้ เพราะอย่างที่รู้กันดีชนชาติไทยเดิมที่มีเชื้อสายมาจาก
    เบ้งเง็กนั้น ได้มีการอพยพลงมาสู่ลุ่มแม่น้ำโขงทางตอนใต้ แล้วมาตั้งรกรากที่อาณาจักรหิรัญโยนกนคร หรือที่เราเรียกว่า เมืองเชียงแสน ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวไทลื้อ หรือ ไทยอง นับว่าอาณาจักรเชียงแสน หรือ ล้านนาที่ยิ่งใหญ่ โดยผ่านเส้นทางสายไหมล่องลงมาทางใต้นั้นเอง อีกทั้งชาวจีนยังใช้เส้นทางนี้ล่องลงมายังไทยเจริญสัมพันธ์ไมตรีและแลกเปลี่ยนค้าขายในช่วงยุคพ่อขุนรามคำแหงอีกด้วย และนี่คือประโยชน์ของเส้นทางสายไหม

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ยกตัวอย่างเจิ้งเหอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เจ้าพ่อซำปอกง" (ซานเป่ากง). วัดซำปอกง หรือชื่อทางการ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาเหตุที่ชาวจีนมาเซ่นไหว้วิญญาณซำปอกงที่วัดกัลยาณมิตรเป็นเพราะความเข้าใจผิด กล่าวคือ ชาวจีนผู้นับถือพุทธศาสนากลุ่มหนึ่งได้นมัสการหลวงพ่อโตที่วัดกัลยาณมิตร แล้วเกิดความเลื่อมใส จึงได้เขียนหนังสือจีนไว้ที่หน้าวิหารว่า 'ซำปอฮุดกง' ซึ่งแปลว่าพระเจ้า 3 พระองค์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ชาวจีนกลุ่มที่นับถือซำปอกง อ่านเห็นเป็น 'ซำปอกง' จึงคิดว่าเป็นสถานที่เซ่นไหว้วิญญาณของซำปอกง และได้มาเซ่นไหว้ซำปอกงเรื่อยมา ด้วยเหตุนี้มีคนไทยบางคนคิดว่า เจิ้งเหอได้เปลี่ยนศาสนามาถือพุทธ ช่วงที่เจิ้งเหอมาเยือนไทยตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งราชวงศ์อู่ทองปกครองกรุงศรีอยุธยา เจิ้งเหอทำหน้าที่ผู้บังคับกองเรือสำเภาขนาดใหญ่ นำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกับไทย และอยู่ช่วยราชการแผ่นดินของไทยช่วงหนึ่ง และทายาทของเจิ้งเหอบางส่วนอาศัยอยู่ในประเทศไทย ใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ อันเป็นนามสกุลที่เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าเชียงใหม่ ได้ประทานให้ กล่าวคือการเข้ามาติดต่อของชาวต่างชาติสร้างวัฒนธรรม
    ประเพณี และความรู้ด้านเดินเรือของไทย การค้าขาย ภาษา ศาสนา

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ การเข้าใจในประวัติศาสตร์ทำให้รู้ถึงขนบธรรมเนียมของแต่ละชนชาติ เข้าใจในวัฒนธรรมของเค้า อาทิการรับนามบัตรจากคนญี่ปุ่นที่อาจารย์ยกตัวอย่าง การได้ศึกษาประวัติศาสตร์มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและสนุกหากเราได้ศึกษาชนชาติแต่ละชนชาติและเมื่อได้เจอกับชาตินั้นๆ การที่เราพูดคุยกับเค้าได้เป็นกันเองโดยการคุยเรื่องความเป็นมาประวัติศาสตร์ชาติเค้ามันจะทำให้มีประสิทธิภาพในการสื่อสาร อาทิเช่น ผมเคยได้ลองคุยกับชาวญี่ปุ่นที่เล่นหมากล้อมด้วยกันผมชอบประเพณีในการเล่นหมากล้้อมของญี่ปุ่น
    ผมมีโอกาสได้คุยกับเค้านิดหนึ่งโดยผ่านล่ามในสมาคมหมากล้อม เค้าก็จะภูมิใจว่ามีคนชอบธรรมเนียมของชาติเค้า ก็สามารถที่โม้และพูดคุยกันเป็นกันเองมากๆนี่คงคือประโยชน์ในการศึกษาประวัติศาสตร์ชนชาติเค้าและนำมาพูดคุยสื่อสารกับเค้า

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 10:28

    วงศกร เอกคม 51522-0001
    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ เป็นสิ่งที่ดีเพราะเป็นการได้เรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีจากชาติต่างๆ ได้ศึกษาความเป็นมาของชาตินั้นๆ ทำให้เราเกิดการเรียนรู้และสามารถปรับตัวให้ทันกับโลกในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะได้ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนล้าหลัง
    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ จะเห็นได้ชัดในเรื่องการแต่งกาย ภาษาและการใช้ชีวิตประจำวันเพราะต้องยอมรับว่าคนไทยยอมรับและเปิดกว้างในการเรียนรู้วัฒนธรรมของชาติต่างๆทำให้ซึมซับกับอารยธรรมของคนอื่นไดง่ายเช่น การพูดไทยคำอังกฤษคำหรืออังกฤษมากกว่าไทยเพราะมีความเชื่อว่าดูดีทันสมัยแต่ลืมไปเลยว่าเราเป็นคนไทยหรือการทักทายจากการสวัสดีเป็นการจับมือทักทายแทน
    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ คงเป็นสมัยอยุธยาที่มีการค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น โปรตุเกส ฮอลันดา อังกฤษฯลฯ หรือการเข้าร่วมรบกับญี่ปุ่นสมัยจอมพลป.มหาสงครามเอเชียบูรภา และสมัยร.5 ทรงไปศึกษาที่ต่างประเทศแล้วนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศให้มีความเจริญมากขึ้นจะเห็นไดว่าในยุคสมัยนั้นสิ่งปลูกสร้างจะมีสไตล์การสร้างแบบตะวันตก เช่น พระที่นั่งจักรี
    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ ก็เหมือนกับเป็นการที่เรารู้จักพื้นฐานของ ประเทศนั้นทำให้เข้าใจรากฐานของคนแต่ละชาติว่าเป็นมาอย่างไรหรือได้รับการปลูกฝังจากประวัติศาสตร์มาอย่างไร เช่น คนญี่ปุ่นไม่ชอบคนอเมริกาเพราะอเมริกานำระเบิดไปทิ้งที่ฮิโรชิมาและแพ้สงคราม ทำให้เกิดการเกลียดชัง เมื่อได้สนทนากับคนญี่ปุ่นก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้เสียความรู้สึก

    ตอบลบ
  16. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 12:27

    น.ส.ฐิธาดา พุทธิระพิพรรณ 51526-0006
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ เป็นไปได้เหมือนเหรียญ 2 ด้าน ที่มีทั้งหัวกับก้อย หรือ ดีกับไม่ดี การที่โลกตะวันตกกับโลกตะวันออกมาพบกัน สิ่งที่ติดตัวมากับ 2 สิ่งนี้คือ ภาษาและวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งถ้าเรานำแต่สิ่งที่ดีของอีกฝ่ายนำมาใช้เพื่อให้ดูเป็นคนทันสมัย มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยนั้นๆก็ย่อมถือว่าเป็นสิ่งดี แต่ถ้าบางอย่างที่เรานำมาใช้กับบ้านเมืองเราแล้วรู้สึกว่ามันขัดกับบรรทัดฐาน หรือขัดต่อสังคมไทย เราก็ไม่น่าจะนำมาใช้(แลดูเป็นพวกนอกคอก) ตัวอย่างเช่นในด้านบวก สมัยก่อนคนไทยเราจะมีการแต่งกายแบบนุ่งโจงกระเบน แต่เมื่อมีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ก็เปลี่ยนมาใส่กางเกง กระโปรงแทน หรือแม้กระทั่งการเคี้ยวหมาก ซึ่งเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 เองก็ทรงเคี้ยวหมาก แต่เมื่อมีการเดินทางติดต่อกับประเทศทางตะวันตก พระองค์ได้พบว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากกินหมากแล้วทำให้ฟันดำ ซึ่งแตกต่างไปจากชาวตะวันตกที่มีฟันขาว จึงได้ทรงเลิกเสีย กระทั่งล่วงมาถึงสมัยจอมพลป.พิบูลสงครามเป็นผู้นำ ได้ออกรัฐนิยม ฉบับที่ 10 เรื่อง เครื่องแต่งกายของประชาชนชาวไทยและการห้ามกินหมาก ซึ่งประกาศเมื่อปี พ.ศ.2484 เพื่อแสดงถึงความมี "อารยะ" ของชาวไทย
    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ คนไทยได้มีการพัฒนาเพื่อความเป็นสากลมากขึ้น เห็นได้จาก มีการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษเป็นหลัก สอนตั้งแต่อนุบาล หรือถ้าเป็นภาษาอื่นๆเช่น จีน ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น เพราะในสมัยนี้ ชาวต่างชาติได้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่ต้องซึมซับรับเอาวัฒนธรรมต่างๆมาผสมผสานเพื่อให้เกิดความลงตัวมากขึ้น ไม่ตกยุคสมัย
    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ เห็นได้ชัดเจนในสมัยจอมพลป.พิบูลสงคราม ที่พยายามทำให้ทุกคนในชาติมีความเหมือนกันทั้งในเรื่องของภาษา วัฒนธรรม ประเพณีการแต่งกาย มีการกำหนดให้ทุกคนในชาติปฎิบัติตาม เช่น การให้สตรีเลิกนุ่งโจงกระเบนหันมาสวมกระโปรงแทน การให้ประชาชนเลิกกินหมากพลู
    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ ทำให้เราเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นมากขึ้นเหมือนกับเป็นการรู้จักตัวตนของเขาในส่วนหนึ่ง อย่างเช่น การไหว้ของคนไทยถือเป็นวัฒนธรรมที่มีมาแต่เก่าก่อนที่หมายถึง การเคารพนอบน้อมที่เด็กหรือผู้น้อยมีต่อผู้สูงอายุกว่า ซึ่งในปัจจุบันนี้ชาวต่างชาติได้เข้าใจถึงวัฒนธรรมเราไปแล้วว่า การไหว้นั้น หมายถึงอะไร
    ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  17. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 13:17

    สุชาพร เถาว์สุวรรณ 51522-0007

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดี
    หรือเปล่า?

    ตอบ เป็นสิ่งดีเพราะได้ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาติอื่นๆ เพื่อนำมาพัฒนานำสิ่งดีๆไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆที่บ้านเมืองเราไม่มีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้นอีกทั้งยังมีภาษาที่หลากหลายทำให้เราได้แลกเปลี่ยนกันรวมไปถึงได้เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆอีกด้วย

    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?



    ตอบ การหลั่งไหลของวัฒนธรรมจากที่อื่นทำให้วัฒนธรรมดั่งเดิมของท้องถิ่นนั้นโดนดูดกลืนเปลี่ยนแปลงไปตามวัฒนธรรมที่หลั่งไหลเขามา ยกตัวอย่างเช่น ภาษา การที่คนไทยในปัจจุบันใช้ภาษาไทยคำอังกฤษคำทำให้ภาษาไทยวิบัติส่งผลให้ภาดั่งเดิมใกล้จะสูญหายไป

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?

    ตอบ ชาวไทยทุกคนยังคงรำลึกและจดจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี ถึงการที่ฝรั่งเศสได้เคยใช้กำลังอำนาจบาทใหญ่กดขี่ข่มเหง แย่งที่ดิน แย่งทรัพย์ พรากพี่น้องไทยไปโดยปราศจากศีลธรรมและเหตุผล หาเหตุซ้อนเหตุโดยความเห็นแก่ได้ถ่ายเดียวเรื่อยมา ซึ่งไทยต้องเสียดินแดนไปเริ่มแต่ พศ. ๒๔๑๐ ถึง พ.ศ. ๒๔๔๙ รวม ๕ ครั้ง จำนวนเนื้อที่ที่เสียไปประมาณ ๔๖๗,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก เกือบเท่าเนื้อที่ของประเทศในปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นยังเสียพี่น้องไทยในแคว้นเขมร ๒,๙๐๐,๐๐๐ คน ในแคว้นลาว ๙๔๐,๐๐๐ คน รวมชาวไทยที่ต้องตกไปอยู่ในปกครองฝรั่งเศส ๓,๘๔๐,๐๐๐ คน เสียเงินอีก ๔,๐๐๐,ooo บาท (ค่าของเงินเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ซึ่งนับว่ามีค่มหาศาลทีเดียว) ฝ่ายไทยต้องยอมสูญเสียสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าวใหัแเก่ฝรั่งเศสด้วยความเจ็บแค้นและขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง และไม่สามารถตอบสนองอย่างใดได้ เพราะฝรั่งเศสมีกำลังรบเข้มแข็งกว่าไทยเป็นอันมากในระยะเวลานั้น



    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?

    ตอบ ทำให้เราได้รู้วัฒนธรรมของแต่ละชาติถ้าเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาติต่างๆนั้นเมื่อใดที่เราได้มีโอกาสพบปะพูดคุยสื่อสารหรือร่วมงานกับคนที่ต่างวัฒนธรรมเรารู้วัฒนธรรมเขาทำให้เราสื่อสารแล้วเกิดความเข้าใจกันมากขึ้นการสื่อสารก็จะง่ายขึ้นค่ะ..........................:-)

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 13:42

    กลวัชร รอดสว่าง 515260003
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ- เป็นสิ่งดีเพราะการพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกเปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนทางด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัฒนธรรม ทางด้านความรู้ต่างๆ ภาษา รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนสินค้าด้วย และการพบกันนี้ไม่ว่าจะทั้งในทางที่ดีหรือทางร้ายแต่ละฝ่ายสามารถเรียนรู้และนำมาปรับปรุงเพื่อให้เท่าทันและนำความรู้นั้นไปประยุคเพื่อพัฒนาต่อไปได

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหมจากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ- ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการแต่งกาย การพูดจา วัฒนธรรมต่างๆที่เข้ามา และสิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างคือ ระบบการเรียนรู้ ระบบการปกครอง และความรู้สึกนึกคิดของคนไทยรวมไปถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิมด้วย

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ- เหตุการณืหนึ่งที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติจนมีการสร้างภาพยนต์ขึ้นมาคือ กรณีของ แอนนา ลีโอโนเวนส หรือ แหม่มแอนนา หรือเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระอาจารย์ฝรั่ง" ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และชาวต่างชาติจะรู้จักแหม่มแอนนาจากภาพยนต์เรื่อง "แอนนาแอนด์เดอะคิง" แหม่มแอนนาได้สอนภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์เบื้องต้น วรรณคดีอังกฤษ ขนบธรรมเนียมอังกฤษ แก่ แก่พระราชโอรส และ ธิดา ของรัชกาลที่ 4

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ- การที่เราเข้าใจประวัติศาสตร์ของแต่ละวัฒนธรรมนั้นๆทำให้เราสามารถสื่อสารกับคนที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันได้อย่างราบรื่น วัฒนธรรมต่างๆล้วนไม่เหมือนกัน มีข้อกำหนดกฏระเบียบที่ต่างกัน การที่เราเข้าใจในวัฒนธรรมนั้นๆทำให้เราไม่ไปละเมิดกฏระเบียบต่างๆ ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง

    ตอบลบ
  19. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 14:10

    วรรณภา มีบัว 51526-0012
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ตอบ- ข้อดีคือมีการแลกเปลี่ยนระหว่างวัฒนธรรมทำให้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีการติดต่อสื่อสารทางด้านการค้า
    ข้อเสียคือการติดต่อในอดีตนั้นรวมไปถึงการทำสงครามการล่าอนานิคมด้วยซึ่งก่อให้เกิดการสู้รบจนเป็นผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหมจากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ตอบ- ได้รับผลกระทบต่างๆทั้งทางด้านภาษา ด้านการค้า ติดต่อสื่อสารไปยังประเทศต่างๆมากขึ้นจากอดีต

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ตอบ- เหตุการณ์สนธิสัญญาเบาริง เป็นสนธิสัญญา ที่ประเทศไทย ทำกับอังกฤษ ริเริ่มใช้เมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตระหนักถึงภัยจากลิทธิจักวรรดินิยม เนื่องจากในขณะนั้น ประเทศต่างๆ ได้เข้ามาคุกคามประเทศไทย จึงทำสัญญา เพื่อรักษาเอกราชของชาติไทย และอีกอย่างหนึ่งคือ เปลี่ยนแปลงนโยบาย มาคบค้ากับชาติตะวันตก

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ- ทำให้การสื่อสารกันเป็นไปอย่างราบรื่นที่ถูกที่ควรไม่ก่อให้เกิดการลบหลู่ดูหมิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ คือเราได้เรียนรู้จากวัฒนธรรมต่างๆมาแล้วจึงรู้ว่าอะไรควรไม่ควรในการสื่อสารนั้นๆ

    ตอบลบ
  20. ทศพล สุทธิศรีสังข์ 51526 0007

    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ส่วนตัวผมคิดว่าก็คล้ายๆกับคำถามที่ถามว่า การเสื่อมโทรมของวัฒนธรรมตะวันออกมีผลกระทบมาจากการรับเอาวัฒนธรรมตั้งแต่อดีตของตะวันตกมาหรือเปล่า จริงๆแล้วก็มองได้ในหลายๆแง่มุมถึงข้อดีข้อเสีย การแลกเปลี่ยน หรือแม้แต่การครอบงำเลียนแบบ ในอดีตการพบกันของตะวันตกและตะวันออกอากมีจุดประสงค์ที่แตกต่างไปจากปัจจุบัน จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามเป็นข้อดีหรือข้อเสีย เพราะกระแสของการเปลี่ยนแปลงของโลกเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ในบางแง่มุมในอดีตก็มีความงดงาม และโหดร้ายอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละเรื่องราว

    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ผลกระทบต่อคนไทยนั้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อการค้า การเมื่อง แม้แต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในอดีย การรับเข้าของวัฒนธรรมและการผสมรวมของวัฒนธรรม แต่คนไทยนั้นเหมือนกับลูกบอลกลมๆที่กลิ่งไปกลิ้งมาเอาตัวรอดได้ในหลายๆครั้ง

    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปรงการปกครอง การทำสนธิสัญาต่างในช่วงการล่าอนานิคมของตะวันตก การเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อดำรงอยู่ของดินแดนส่วนใหญ่ สงครามโลกที่ไทยไม่ได้เป้นคนก่อแต่ก็เอาตัวรอดได้ การกู้ยืมเงินจากกองทุนต่างชาติที่คนไทยเป็นหนี้กันหัวบาน และอีกมากมาย...

    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    หมอลักษ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิรม เหมือนการทำนายดวงดูหมอ การที่เราศึกษาอดีตเพื่อการทำนายอนาคต การศึกษาประวัติศาสตร์ทำให้เราทราบถึงความเกี่ยวเนื่องของคนต่างวัฒนธรรม ที่มีทัศนคติต่อกัน ต่อตัวของเราหรือชนชาติของเราและในบางเรื่องที่มีความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ เราจึงควรที่จะศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อใช้ในการวางจุดยืน หรือการนำเสนอหัวข้อในการสนทนาเพื่อเพิ่มความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างสองวัฒนธรรม และลดความอคติความขัดแย้งของทัศนคติที่มีต่อกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารต่อกัน

    ตอบลบ
  21. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 14:32

    นายเชาวลิต ภู่ดี 515260002
    เนื้อหาข้อมูลที่จะตอบส่วนใหญ่ ก็คล้ายๆ กับของเพื่อนๆที่ได้ตอบกันไปแล้วครับ
    1. ผมคิดว่า เป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี เพราะ ทำให้เกิดการหลอมรวมทั้งทางความคิดและทางปฎิบัติ รวมทั้ง การรวมกันของวัฒนธรรม สามารถสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นมาได้เช่น ค่านิยม เทคโนโลยี และความเป็นสากลนิยม

    2.ได้รับผลกระทบโดยรวมทั้งทางบวกและลบ คือได้มีความรุ้กว้างขวางและทันโลกมากยิ่งขึ้น ล่วงรู้ความเป็นไปและเป็นมาของคนในแต่ละวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น

    3. เริ่มมาตั้งแต่สมัยเกิดการล่าอาณานิคม และการทำการค้ากับจีน ฝรั่งเศษ อีกทั้ง พระมหากษัตย์ในแต่ละยุคสมัยก็ทรงสร้างสัมพันธไมตรีกับนานาอารยประเทศมากยิ่งขึ้น แต่เหตุการณ์หลักๆที่ทำให้ประเทศและวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เกิดจาก ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 คือมีทหารและพลเรือนหลายชนชาติหลายภาษา เข้ามาทำการค้าและสงคราม จิงทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เราเป็นผู้รับวัฒนธรรมมากกว่า สิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทยหลักๆเริ่มขึ้นในสมัยรัชกสลที่ 5 ที่ทรงทำการเลิกทาศและ สร้างทางโทรคมนาคม สร้างรถไฟ สร้างไฟฟ้า และเปลี่ยนรูปแบบเครื่องแต่งกายของ ข้าราชกาล จึงทำให้ เราเป็นสากลมากยิ่งขึ้น

    4. ทำให้ทราบถึงความเป็นมาเป็นไปก่อนที่คนและวัฒนธรรม จะซึมทรัพจนทำให้เกิดการรวมกันของวัฒนธรรม จากการที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็ขยายกลุ่มออกไปเป็นโลกของการติดต่อสื่อสารที่ติดต่อกันได้ เพื่อการค้าขายและเพื่อสร้างสังคมไหม่ๆ

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 15:05

    Jiraporn_w ขอแสดงความคิอดเห็นคะ
    1.เป็นการดีถ้าหากโลกตะวันตกและโลกตะวันออกมารวมกันจะทำให้เกิดความหลากหลายในเทคโนโลยีและวัฒนธรรม ใหม่ๆ เกิดขึ้นกับการพัฒนาในโลกาภิวัตร
    2.คนไทยได้รับผลกระทบแน่นอน เพราะคนไทยเปิดรับวัฒนธรรมทุกๆชาติอยู่แล้ว และมีบางคนนำมาใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควรเท่าที่ควร การนำวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้ในวัฒนธรรมของตนนั้นต้องคำนึงถึงความเป็นไทยด้วย อย่างไรเราก็มีความเป็นไทย ให้ชาวโลกเขาได้รู้ว่าเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอยู่ที่ใด
    3.ที่จำได้ เป็นสงครามเก้าทัพ สงครามโลกครั้งที่ 2
    4.ได้ดีขึ้น เพราะทำให้รู้ความเป็นมาของชาตินั้นๆ

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 17:41

    ธนิดา

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?


    1.มีทั้งดีและไม่ดี ทำให้เรารู้จักโลกตะวันมากขึ้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง และส่วนใหญ่จะเป็นความพยายามในการเผยแพร่วัฒนธรรมของตะวันตกให้กับตะวันออก และตะวันตกยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ล่าอาณานิคม เห็นได้จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศในแถบตะวันตก สิ่งที่ดีก็มี คือ มีการแลกเปลี่ยนสินค้า ค้าขาย มีความพัฒนาเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม


    2.คนไทยได้รับผลกระทบ ด้านภาษา ที่ต้องหัดพูดภาษาต่างชาติ วัฒนธรรม การแต่งกาย การรับประทานบนโต๊ะอาหาร การเคี้ยวหมาก


    3.สงครามโลกครั้งที่ 2 การทำสนธิสัญญาเบาริ่ง ร.5 เสด็จประพาส รัสเซีย


    4.เราเข้าใจถึงวัฒนธรรมของคนต่างชาติ วัฒนธรรมด้านมารยาทที่ดูเป็นสากล (ที่ฝรั่งมันอ้างว่าเป็นสากล)

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ19 มีนาคม, 2552 17:57

    นาย อนุสรณ์ อิสไมล์กูล

    1. เป็นเรื่องที่ดี ที่มีการแลกปลี่ยนวัฒนธรรมของชาวตะวันตกและตะวันออก โดยการแลกเปลี่ยนสามารนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยการรวมวัฒนธรรมทั้งสองอย่าเข้าด้วยกัน มีทั้ข้อดีและข้อเสีย เพราะมีความแตกต่าง แต่ก็เป็นการศึกษาละทำให้ทราบถึงข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

    2.คนไทยก็เป็นชาติหนึ่งที่รับเอาวัฒนธรรมจากตะวันตกมาค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสูง เพราะคนไทยป็นชาติที่รับสิ่งต่างๆเข้ามาค่อนข้างง่าย และไม่ค่อยแยกแยะ ทำให้มักเอาพฤติกรรมที่ไม่ดีมาทำตาม เกิดการเลียนแบบในสิ่งที่ไม่ดี เพราะไม่มีใครคอยให้คำแนะนำ ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด

    3.สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการส่งฑูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับชาติฝรั่งเศส

    4. เป็นสิ่งที่ดีขึ้น เพราะทำให้เรารู้จักวัฒนธรรมที่บางอย่างเราไม่สามารถพูดหรือปฏิบัติได้ เพระบางสิ่งบางอย่างหากเราละเมิดในสิ่งที่เค้าไม่ชอบ ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อาจทำให้เกิดความไม่พอใจและเข้าใจผิดได้

    ตอบลบ
  25. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม, 2552 03:12

    ข้อ 1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    เป็นสิ่งที่ดีนะคับในความเป็นจริงคือ จะเป็งการช่วยเผยแพร่วัฒธรรม ขนบธรรมเนียน ประเพณีของแต่ละชาติ แต่ละประเทศ จะมีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไปแต่ละเชื้อชาติแต่ละเผ่าพันธ์ โดยอาศัยการสื่อสารเป็นหลักในการเข้าหาซึ้งกันและกันเพื่อแลกเปลี่ยนคับ

    ข้อ 2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?

    คือจะส่งผลกระทบไปในทางบวกนะคับ เพราะการที่มีการพบกันระหว่าโลกตะวันออกกับโลกตะวันตกได้มาพบเจอคือได้ผสมสารกันคือการแต่งงานเป็งครอบครัวลูกที่เกิดมาจะได้ทั้งภาษาทางฝ่ายแม่ละที่สำคัญยังจะได้ภาษาทางฝ่ายพ่อแถมมาอีกด้วยและยังได้ทางร่างกาย หน้าตา สีผม และการดำรงชีวิตที่ผสมผสานกันไป.......ดีมากๆๆ */ในชีวิตถ้าเปงไปได้ก้อยากมีเมียเปงชาวต่างชาตินะคับลูกที่เกิดมาจะได้น่ารัก..อิอิ/*

    ข้อ 3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?

    เอาที่กำลังเปงข่าวที่สำคัยตอนนี้เลยนะคับ ขี้เกรียดลำลับเรื่องราวเก่าๆ ในอดีตขึ้นมาเพราะพูดไปทุกคนก็ไม่รุ้ เอาเรื่องปัจจุบัยดีกว่าทุกๆๆคนรุ้กันดี ว่าสรุปเขาพระวิหารนี้จะอยุ่ฝั่งไทยหรือพม่ากันดีในตอนนี้ ถ้าเปรียบกับกับคนในตอนนี้ก็คงเป้นผุ้หญิงที่น่ารัก ต่างมีคนมาจีบหรือมาแย่งที่อยากจะครอบครองความเป้นเจ้าของนะคับอิอิ...
    สรุป ตอนนี้ก็เลยไม่รุ้เลยว่าเขาพระวิหารเปงของไทยหรือของพม่า หรือไทยได้ส่วนใหนสงสัยจะเหลือแค่บันไดขั้นแรกแน่เลยอิอิน่าเศร้าจัง*-*


    ข้อ 4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?

    เราสามารถสือสารได้ถุกต้องว่าควรพุดเรื่องได หรือไม่ควรพุดเริ่องไดที่เปงเรื่องที่อาจจะดุหมิ่น เช่น ศาสนา
    สีผิว หรือวัฒธรรม กับบุคคลที่เราจะเข้าไปพุดคุยหรือกำลังคบหากันอยุ่ มิฉนั้นจะแห้วตามระเบียบอิอิ.....ขอจบเพียงแค่นี้นะคับ......


    กฤษฎากร ชูเลม็ด 51526-0018

    ตอบลบ
  26. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม, 2552 03:17

    1. ตามความคิดก็คือการพบกันของวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออก ส่วนหนึ่งก็เป็นแง่ดี แต่ อีกแง่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
    ในแง่ที่ดีคือ เมื่อ2 วัฒนธรรมคือทั้งตะวันออกและตะวันตกมาผสมผสานกันแล้ว เราจะได้ผลิตผลก็คือวัฒนธรรมใหม่ๆออกมา หรือไม่ก็ อย่างเช่นวัฒนธรรมที่เกิดจากการปรับปรุงจากวัฒนธรรมที่ไหลเข้ามา คือ อย่างวัฒนธรรมของยุโรปที่ไหลเข้ามาในเมืองไทย เป็นต้น ก็ส่งผลทำให้วัฒนธรรมของยุโรปเข้าไปผสมผสานกับวัฒนธรรมของไทย เช่นการทานข้าวโดยใช้ ช้อน-ซ้อม นับว่าเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการทานอาหารของยุโรป และวัฒนธรรมของคนไทยเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งจุดนี้ก็นับว่าเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่ดีเพราะว่าจะถกสุขลักษณะมากกว่าวัฒธรรมเดิมของไทยคือการเปิบข้าวจากมือโดยตรง
    แต่ในอีกแง่ การรับวัฒนธรรมของชาวต่างชาติเข้ามามากๆอาจก่อให้เกิดการครอบงำ ตามแบบ ทฤษฎี hegemony ของ A. Gramsci โดยใช้ชุดของความคิดที่เรียกว่า”วัฒนธรรม”ของประเทศโลกที่หนึ่งหรือมหาอำนาจ มากำหนดแนวทางความเป็นไปในประเทศโลกที่สามหรือประเทศด้อยพัฒนา ให้ทำตามแนวทางของประเทศมหาอำนาจนั้นๆ เรื่องการเงิน กำลังทหาร ฯลฯ โดยที่ประเทศที่ถูกครอบงำนั้นจะรู้สึกว่าตนเองนั้นได้รับผลประโยชน์อย่างดีในการรับวัฒนธรรมของประเทศมหาอำนาจ ทำให้ไม่รู้สึกว่าตนเองถูกเอารัดเอาเปรียบจากประเทศนั้นๆมากขนาดไหน

    2. ผลกระทบที่คนไทยได้รับก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เช่น ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือการแต่งตัว จากผู้หญิงที่นุ่งโจงกระเบน ห่มสไบ มาเป็น ใส่กระโปรง หรือกางเกง สวมเสื้อยืด หรือเสื้อเชิ้ต หรือแม้กระทั้งผู้ชายที่นุ่งเตี่ยวตัวเคียว ก็เปลื่ยนมาเป็นสวมเสื้อเชิ้ต ผู้เนคไทย์ ใส่สแล็ก ตามแบบฝรั่งเพื่อให้เกิดการยอมรับจากชนชาติตะวันตก แต่ในลักษณะนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการกัดกร่อนทางวัฒนธรรมมากกว่า เพราะว่าคนจะนำวัฒนธรรมของประเทศทางฝั่งตะวันตกมาแทนที่วัฒนธรรมที่มีอยู่เดิมในบางส่วนที่เห็นว่าสมควรจะนำมาแทนที่ แต่ในปัจจุบันนั้นเป็นการกลืนกินทางวัฒนธรรมเพราะว่าเราจะเปิดรับวัฒนธรรมทุกอย่างของยุโรปโดยไม่กรั่นกรองเสียก่อนทำให้วัฒนธรรมดั่งเดิมของไทยเลือนหายไปตามกาลเวลา



    3.ประเทศไทยได้เมีความสัมพันธ์กับต่างชาดิมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับ พระเจ้ากุบไลข่านของมองโกล การเผยแผ่ของศาสนาคริตส์นิกายโรมันคาทอลิกของงบาทหลวงชาวโปรตุเกสในสมัยพระนารายณ์มหาราช หรือ หมอบรัดเลย์ที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสเตนส์ในประเทศไทยในสมัย รัชกาลที่สาม นอกจากนั้น ประเทศไทยยังได้มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติมาทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะเป็นฮอลันดา โปรตุเกส จีน เปอร์เซีย
    4.การที่เราเข้าใจประวัติศาตร์ของชนชาตินั้นๆก่อนที่เราจะไปสื่อสารกับเขาสำคัญมากๆ เหมือนเป็นพื้นฐานให้เราเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเขาเช่นเราอยู่ที่พม่าพูดคุยกับคนพม่าเราห้ามพูดถึงอองซาน ซูจี ซึ่งเป็นนักเรียกร้องประชาธิปไตรในขณะที่ประเทศยังถูกปกครองโดยรัฐบาลทหารหรือเจรจาทางการทูตกับลาว ก็อย่าพูดถึงความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง เพราะเขาก็จะบอกว่าเขาเป็นพี่เพราะประเทศเก่าแก่กว่าเราหรือเวลาพูดคุยกับผู้สูงอายุชาวเยอรมันก็ห้ามพูดถึง สงครามเย็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องสะเทือนใจของชาวเยอรมัน คือเมื่อตอนที่แยกฝั่ง ตะวันออก-ตะวันตกเนี๊ยะ ใครเป็นใครก็ไม่สามารถรู้ได้ ใครเป็นคนฝั่งตะวันออก ใครเป็นคนของฝั่งตะวันคกไม่มีคนมานั่งเช็ก เขาขีดเส้นแบ่งเขตคืนเดียว เสร็จ คนที่ไม่รู้ก็ติดแหง็กอยู่หลังกำแพง ไม่ได้เจอหน้าญาติ พี่น้อง คนรัก เพื่อนฝูงเป็นเวลา28ปี เพราะฉะนั้นอาจสรุปได้ว่า การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของแต่ละชาติอาจช่วยให้เราเขาใจวิธิการที่จะพูคุยกันคนแต่ละชาติได้ดีขึ้น

    ตอบลบ
  27. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม, 2552 11:52

    505220032

    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    ดิฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ดี คือ ทำให้ประเทศหลายประเทศได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของต่างกันและของกันและกัน ซึ่งจะทำให้วัฒนธรรมจากประเทศหนึ่งไปหาวัฒนธรรมที่อยู่อีกประเทศหนึ่ง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนหลายๆอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งความเจริญ ที่ทำให้ประเทศเรานั้นพัฒนาได้ แต่ในอดีตมันคงไม่มีใครอยากให้วัฒนธรรมจากประเทศหนึ่งมายังอีกประเทศหนึ่งหรอ เพราะมันต้องเกิดขึ้นจากการสู้รบ สงครามที่มาพร้อมความสูบเสียมากกว่าความเจริญละความมั่นคั่งซะอีก
    2. คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    ปัจจุบันสังคมไทยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมต่างชาติมากขึ้นจากอดีต ซึ่งการที่สังคมในบางประเทศรับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมของต่างชาติมากเกินไปนั้น ทำให้เกิดการเลียนแบบวัฒนธรรมของคนอื่นมากขึ้นจนบางครั้งอาจมากจนเกินไป ทำให้ลืมวัฒนธรรมของตนเองไปสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นภาษา การแต่งกาย การดำรงชีวิตและการใช้ชีวิต สังคมไทยแบบเดิมนิยมใช้วิถีชีวิตเรียบง่าย ไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขัน ค่อยเป็นค่อยไป แต่สังคมแบบตะวันตกต้องแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง มีความเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม อาจเรียกได้ว่าคนบางส่วนของสังคมลืมความเป็นไทยไปแล้ว เป็นต้น ซึ่งนั้นคือการครอบงำด้านวัฒนธรรมของต่างชาติและอย่างที่เห็นประเทศของเราก็ตกอยู่ในสภาพแบบนั้น เห็นได้จากเด็กวัยรุ่นที่นิยมสินค้าทางวัฒนธรรมของต่างชาติ เช่น แต่งตัวแนวเกาหลี ดูหนังเกาหลี ฟังเพลงเกาหลีและชื่นชอบดาราต่างประเทศมากกว่าจะชื่นชอบศิลปินในประเทศ เป็นต้น ซึ่งขาดความเป็นเอกลักษณ์ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาติได้
    3. จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    ดิฉันคิดว่าประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาตินั้น จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องราวของการสร้างชาติ การต่อสู้และการกอบกู้อิสรภาพ จากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เป็นต้น และตลอดจนการ ติดต่อมีสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ ซึ่งระยะเวลาอันยาวนานนี้ ซึ่งไทยได้มีโอกาสรับวัฒนธรรมของชาติอื่น ๆ ไว้มากมาย เช่น วัฒนธรรมจีน ลาว กัมพูชา พม่า อินเดีย ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และวัฒนธรรมของชาติในทวีปยุโรป
    4. การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ดิฉันคิดว่าการเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นนั้น ทำให้เรามีความรู้และความเข้าในวัฒนธรรมที่ต่างชาติเขาเป็นว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างจากของเราอย่างไร ถึงจะสื่อสารพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น เหมือนกับว่าเราจะคุยกับใครต้องรู้ว่าเรื่องอะไรที่สามารถคุยกับเขาได้หรือไม่ได้ ซึ่งวัฒนธรรมของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน

    ตอบลบ
  28. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม, 2552 19:22

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?

    ตอบ เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เพราะถ้าทั้งสองโลกไม่เจอกัน ทุกวันนี้โลกของเรา
    คงจะไร้ความรื่นรมย์ เพราะไม่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมที่มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ซึ่งแต่ละซีกโลกนั้น สามารถเลือกที่จะนำไปผสมผสานกับวัฒนธรรมของตัวเอง

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?

    ตอบ ด้วยความที่วัฒนธรรมทั้งซีกโลกตะวันตก และซีกโลกตะวันออกสามารถไหลไปไหลมาได้ตามการสื่อสารที่มีวิวัฒนาการขึ้น เพราะฉะนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นสำหรับเมืองไทย มีมากมายมหาศาล เนื่องจากพวกเราคนไทย เป็นเมืองที่รับหมดไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมซีกไหน ไม่มีการกลั่นกรองว่าไหนดี แบบไหนไม่ดี จนในที่สุดวัฒนธรรมไทยเริ่มถูกกลืนหายไป ด้วยกระแสวัฒนธรรม k-pop J-pop หรือกินอยู่แบบอเมริกันสไตล์

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?

    ตอบ มากมายก่ายกอง เริ่มต้นตั้งแต่สมัยอยุธยา จำไม่ได้ว่าเหตุการณ์อะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาติโปรตุเกสที่เข้ามารุกราน หรือสมัยกรุงธนบุรี ที่มีชาวจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องของการค้าขาย และสมัยรัตนโกสินทร์ที่เห็นภาพชัดว่า ถูกรุกรานจากชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก จนเมืองไทยต้องเฉือนประเทศให้กับชาวต่างชาติไปทีละผืน ปัจจุบันเป็นสงครามเศรษฐกิจที่ไทยเกี่ยวข้องกับต่างชาติเกือบทุกประเทศในโลก และเป็นสิ่งที่น่าตกใจว่า กิจการร้านค้า และสินทรัพย์ในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก โดนโอนถ่ายเป็นของชาวต่างชาติ

    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ตอบ รู้เขา รู้เรา เมื่อเข้าใจวัฒนธรรมแต่ละชนชาติ แต่ละประเทศก็สามารถสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงผลลัพธ์ในการสื่อสาร ซึ่งคาดหวังไว้ตั้งแต่เริ่มแรกก็มีศักยภาพมากด้วย

    จากวาทินี-51525-0007
    โหลๆ ตอบด้วย

    ตอบลบ
  29. ข้อที่ 1
    คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าปัจจุบันนี้โลกทั้งโลกสามารถที่จะเชื่อมถึงกันได้หมดคิดว่าถ้าเราเรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลกได้หมดก็จะเกิดผลดีในด้านของการติดต่อซิ้อขาย การทำการค้าข้ามประเทศ และยังสามารถที่จะพัฒนาประเทศของเราได้ด้วย

    ข้อที่ 2
    คิดว่าได้รับผลกระทบเพราะว่าประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ต้องติดต่อการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งถ้าเราเรียนรู้หรือได้รับรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ จากทั้งทางด้านประเทศตะวันตกและตะวันออกก็จะเป็นผลดีต่อการค้าและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเราและก็ยังทำให้ไทยเป็นประเทศสากลมากยิ่งขึ้น

    ข้อที่ 3
    การเซ็นสนธิสัญญาเบาริง ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอังกฤษที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นสนธิสัญญาทางการค้า ถ้าจำไม่ผิดนะค่ะประเทศไทยเสียเปรียบกับการเซ็นสัญญาในครั้งนี้ แต่ว่าจำเป็นที่จะต้องเซ็น

    ข้อที่ 4
    ทำให้เราสามารถที่จะรับรูได้ว่าวัฒนธรรมของเขาเป็นเช่นใด เมื่อเราไปอยู่ในบ้านเมืองของเขาเราจะได้ปฏิบัติตนได้ถูกต้อง และยังทำให้เราเข้าใจความเป็นมาของบ้านเมืองเขาได้ดี จะทำให้เราสื่อสารกับเขาได้ความหมายที่ตรงกัน

    สุนิสา หาวิชา 51526-0008

    ตอบลบ
  30. 505220033
    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    -หนูคิดว่าในอดีตอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะการที่พบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกนั้นมันแสดงถึงการสู้รบกัน การล่าอณานิคมกัน ต่างฝ่ายต่างสูญเสียไม่มากก็น้อย แต่ปัจจุบันมันเป็นสิ่งที่ดี เพราะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ได้เรียนรู้กันว่าประเทศอื่นเค้าเป็นอย่างไร มันเหมือนหรือแตกต่างจากของเราอย่างไร

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    -แน่นอนคนไทยต้องได้ผลกระทบแน่ ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่พม่ายกทัพมาตีบ้านเมืองเรา บ้านเรา ประเทศไทยเกิดความสูญเสียมากมาย เหตุการณ์อย่างนั้นคนไทยไม่มีวันลืม ถึงแม้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น แค่ได้ยินเรื่องเล่าก็รู้สึกไม่ดีใช่กัน สูญเสียหลายๆอย่าง วัฒนธรรมต่างๆเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทยเรา จนปัจจุบันวัฒนธรรมของไทยเราจะไม่เหลืออยู่แล้ว ยิ่งเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันการแต่งกาย การใช้ชีวิต การพูดการจา ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอื่นหมด ประเทศถึงเสื่อมลงทุกวัน เด็กไหว้ผู้ใหญ่ไม่เป็น ไม่เคารพนบนอบเมื่อแต่ก่อน เป็นผลมาจากรับวัฒนธรรมของต่างชาติมากเกินไป

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    -หนูว่าน่าจะเป็นตั้งแต่อดีตที่ประเทศไทยเรารบกับพม่า เราทำสัญญาเบาวริง พวกชาวต่างชาติมาทำการค้าในประเทศเรา เช่น คนจีนมาค้าขาย มาตั้งรกรากที่ประเทศเราก็เยอะ ชาวโปรตุเกส ก็มา เราถึงรู้จักขนมปัง ขนมฝอยทองไง สมัยนั้นลูกขุนนางยังเรียนหนังสือกับชาวต่างชาติเลย แล้วยังมีหมอบัดเลย์ด้วยนะถ้าจำไม่ผิด มีบาทหลวงมาเผยแพร่ศาสนาคริตด้วยมั้ง

    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    -เมื่อเรารู้ถึงประวัติและวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆแล้ว การสื่อสารของเรากับประเทศนั้นมันก็จะง่ายขึ้น รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร ชอบอย่างไรไม่ชอบอย่างไร สิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ เราก็จะได้รู้และปฏิบัติได้ถูกต้อง จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งกัน จะได้เกิดความสัมพันธ์อันดีงามและยาวนานตลอดไป เป็นมิตรดีกว่าเป็นศัตรู เหมือนที่เขาว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็ชนะร้อนครั้ง "

    ตอบลบ
  31. นายโสฬส เอกศักดิ์ 515220006

    1.ในการพบกันระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตกตั้งแต่อดีตก่อให้เกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรม พื้นฐานของชีวิตของแต่ละเชื้อชาติ แต่ละภาษา การพบกันนั้นก็มีทั้งเรื่องดีและก็ไม่ดี ผมขอยกตัวอย่าง ในเรื่องของการค้าขายแลกเปลี่ยน ซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีต การค้าขายแลกเปลี่ยน นำมาซึ่ง ความหลากหลายของสรรพสิ่งมากมาย ทั้งด้าน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ สิ่งของ เครื่องประดับ เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่งดังในภาพยนต์เรื่อง Austria ซึ่งชาวตะวันตกในเข้าไปทำธุรกิจในประเทศต่างๆ ซึ่งก็นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาด้วยและทำให้ วิถีความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่นั้นเปลี่ยนไป อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี หรือ เมื่อเข้ามาแล้วสิ่งนั้นอาจเข้าไปทำลายวิถีความเป็นอยู่ของคนประเทศนั้นก็ได้
    เพราะฉนั้น ก็ถือว่าการพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมาเป็นสิ่งที่ดี เพราะในปัจจุบันโลกเกิดการพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามีการติดต่อสื่อสารกันทั่วโลก จนมีคำพูดว่าขึ้นมาว่า
    "การสื่อสารไร้พรมแดน"

    2.จากสิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้น ก็ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว "ถามว่า" คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไร? ก่อนอื่นคงต้องย้อนกลับไปในสมัยอยุธยาโน้น ตั้งแต่สงครามที่เกิดขึ้นกับพม่า การเสียกรุงครั้งที่ 1 และ 2 ประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลของชาวตะวันตก ในด้านการทหาร โดยมีชาวโปรตุเกส ได้นำปืนมาใช้ในราชการสงคราม ที่เรียกกันว่า "ปืนไฟ" ก็ทำให้เราต้องปรับการทำสงครามขึ้นใหม่ จากที่เมื่อก่อน ใช้ตำราพิชัยสงคราม ก็คงต้องปรับเปลียนตำราพิชัยสงครามกันยกใหญ่ เพื่อให้เหมาะกับเทคโนโลยี ที่ทันสมัยและทรงอานุภาพ ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หลังจากยุคนั้นเป็นต้นมาประเทศไทยก็ได้มีส่วนร่วม กับชาวตะวันตกมาอีกมากมาย ทั้งในเรื่องการเสียดินแดนของสยาม ณ เวลานั้น ในเรื่องของการติดต่อสื่อสาร ทำการค้าร่วมกัน ส่งออกสินค้าของไทยไปในชาติตะวันตก ในหลายประเทศ และก็ได้นำ เอกลักษณ์ ของความเป็นไทยไปเผยแพร่ ต่อสายตาของชาวโลก จึงได้รับ คำชมต่อมาว่า "สยามเมืองยิ้ม" และในปัจจุบัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก ประเทศไทย ก็กำลังได้รับผลกระทบด้วย เช่นกัน.....
    ...อันนี้เซรงงงงงงมากคับ...
    เพราะฉนั้น ประเทศไทยก็คงหลีกเลี่ยงผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะ เรายังต้องอยู่ในสังคมโลกต่อไป ตราบใดที่ยังมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน

    3.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีมากมาย ถ้าเรา search ใน google ก็คงมีไม่น้อยเลย... แต่ทีผมจำได้น่ะครับ ก็เหตุการณ์ในเรื่องการทำสงคราม ประเทศไทย ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการ รักษาสันติภาพ ในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สงครามนคาบสมุทรเกาหลี ประเทศไทยก็ได้ส่งทหารจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมสงคราม สงครามกลางเมืองของประเทศอิรัก ประเทศไทยได้ส่งทหารหน่วยแพทย์เข้ามาช่วยเหลือ ถ้าจะย้อนไปดูถึงประวัติศาสตร์นั้นก็มีมากมาย ผมขอยกตัวอย่าง ในรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว น่ะครับ ... ซึ่งพระองค์ได้เสด็จประพาสไปยังประเทศรัสเซีย การเสด็จเยือนรัสเซียพร้อมกับการฉายภาพร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทั้งสองพระองค์ประทับนั่งคู่กันและตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เผยแพร่ไปทั่วยุโรปถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระราโชบายที่ทำให้ประเทศสยามรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษหรือฝรั่งเศส
    :ที่มา http://th.wikipedia.org
    (ถ้าอยากดูภาพน่ะครับ)=> http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Rama5-Tsar_1.JPG
    ที่ผมเลือกนำเอาเหตุการณ์นี้ ก็เพราะว่า เป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติและเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยรักษาเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้...

    4.การเข้าใจในประวัติศาตร์ ของคนที่เราจะสื่อสารด้วยนั้นมีความสำคัญอย่ายิ่ง เพราะว่าประวัติศาตร์ สามารถบอกเล่าเรื่องราว ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาและผมเองก็เชื่อว่า ทุกประเทศก็คงก็ต้องมีการเรียนในเรืองประวัติศาสตร์ของประเทศตนเอง เพราะฉนั้น การที่เราจะพยายามสื่อสารกับคนที่ต่างวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน นั้น เราควรที่จะเข้าใจในประวัติศาสตร์ของคนที่ต่างวัฒนธรรมกับเราเสียก่อน ก็จะเป็นการดี
    ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศเยอรมัน คนเยอรมัน(ที่มีความคิดแบบเก่า)ยังปฏิเสธ ชาวต่างชาติเพราะคิดว่า คนเหล่านี้จะนำความเดือนร้อนมาสู่พวกเขา อาจจะเพราะว่า ในสมัยที่ เยอรมันถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน อาจจะเกิดความไม่สบายใจของคนในชาติ ประการใดประการหนึ่ง ทำให้มีทัศนคติอย่างที่กล่าวมาข้างตน
    เพราะฉนั้น น่ะครับ ไม่ว่าเราจะสื่อสารกับวัฒนธรรมใดก็ตาม การที่เราได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ ของวัฒนธรรมนั้นๆ อย่างลึ้กซึ่งเป็นอย่างดีแล้ว เราก็จะสามารถ สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าเราจะทำการค้าขาย หรือพูดคุยกับคนต่างวัฒนธรรม เราก็จะพูดในสิ่งที่ควรพูด หรือ ทำในสิ่งที่เราควรทำ เมื่อเราได้เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อม ของวัฒนธรรมนั้นๆ ด้วย....

    ข้อความดังกล่าว เป็นการแสดงความคิดเห็นน่ะครับ...

    ตอบลบ
  32. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม, 2552 00:04

    1.เป็นสิ่งที่ดี เพราะการพบกันระหว่างสองวัฒนธรรมส่งผลทั้งด้านบวกและด้านลบ เนื่องจากทั้งสองซีกโลกเมื่อมีการติดต่อแลกเปลี่ยนกันย่อมมีทั้งได้รับและสูญเสียไปพร้อมๆกัน ไม่มีใครได้รับหรือสูญเสียเพียงด้านเดียว จึงทำให้เกิดวิวัฒนาการในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง การค้าขาย หรือการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมระหว่างประเทศ
    2.ได้รับผลลระทบ เพราะว่าอิทธิพลดังกล่าวส่งผลถึงวัฒนธรรม เช่นการลอกเลียนแบบของเด็กวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น การแต่งกาย การพูดจา แฟชั่นตามตะวันตก การสื่อสารระหว่างกลุ่มคนในสังคมไทยจึงทำให้วัฒนธรรมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงและเจือจางลงจากสมัยก่อนและทำให้การสื่อสารแบบไทยแต่ดั้งเดิมลดน้อยลงไป
    3.เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องและมีความสำคัญ เช่น การเดินทางไปศึกษางานของรัชกาลที่5 เพื่อทรงนำความรู้เทคโนโลยีและวัฒนธรรมของชาติตะวันตกที่มีความเจริญก้าวหน้ากว่า นำมาปรับใช้กับสังคมไทย ตัวอย่างเช่นการทำรถไฟ มีการเลิกทาส วรรณชนชั้น การแพทย์ การอ่านเขียนศึกษาภาษาต่างประเทศ
    4.ทำให้เข้าใจถึงพื้นฐานที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมนั้นๆ การที่รู้ถึงภูมิหลังของประวัติศาสตร์ช่วยให้เข้าใจกฎระเบียบข้อปฎิบัติต่างๆของคนต่างเชื้อชาติ ส่งผลให้ สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
    นันทนัช ชมจินดา รุ่น52ศิษย์มีครู(กอญ่า ง่ะ)

    ตอบลบ
  33. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม, 2552 00:18

    อาจารย์คะ คำถามท้ายบทที่2ตอบตรงไหนอ่ะ ไม่มีที่ให้ตอบ วัยรุ่นใจร้อนอยากตอบแล้ว

    กอญ่า ศิษย์มีครู

    ตอบลบ
  34. ไม่ระบุชื่อ23 มีนาคม, 2552 14:04

    วรรัฐ ลิ่มศิริวงศ์ 51525-0006
    1.เป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะทำให้เราได้รู้จักวัฒนธรรมที่แตกต่างจากวัฒนธรรมของเรา สำหรับประเทศไทยที่ล้าหลังกว่าชาติตะวันตกในด้านอุตสหกรรม เมื่อได้มีสัมพันธไมตรีกับชาวต่างชาติทำให้เราได้พัฒนาอุตสหกรรมไปด้วย แต่สิ่งสำคัญก็คือจุดยืน จุดไหนที่เราเป็นอยู่เป็นวัฒนธรรมของเราแบ่งแยกเขากับเรา หรือที่เราเรียกว่าอัตลักษณ์เราก็ควรรักษาไว้
    2.ผลกระทบที่ได้แบ่งออกเป็น
    2.1 ข้อดี ทำให้ศาสนาต่างๆ เข้ามาเผยแพร่ในไทย ศาสนาพุทธเองก็ได้นำไปเผยแพร่กับชาวต่างชาติ มีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆ เช่นด้านอุตสหกรรม เทคโนโลยี อาวุธในด้านการทหาร สุขลักษณะอนามัย
    ริเริ่มการก่อตั้งธนาคาร
    2.2 ข้อเสีย เมื่อชาวตะวันตกมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า และมีอำนาจทางทหารมากกว่า ชาวตะวันตกจึงยึดวัฒนธรรมของตนเป็นใหญ่ และใช้อำนาจทางการทหารในการต่อรอง ผลก็คือความได้เปรียบที่มีทหารและอาวุธที่ดีกว่า
    3.เขาพระวิหาร ที่ได้ชาวฝรั่งเศสมาเขียนแผนที่ในการกำหนดเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา,การทำการค้ากับประเทศจึนมีการแลกเปลี่ยนเครื่องสังคโลกของชาวจีนกับสินค้าของไทย,ร.5เสด็จประภาศอังกฤษ จึงกลายมาเป็น บทประพันธ์ที่มีชื่อว่า "นิราศลอนดอน"
    4.ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้และได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถพูดได้หลายภาษาเราก็สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้มากเช่นกัน ทำให้รู้วัฒนธรรมต่างชาติมากยิ่งขึ้น ได้ความรู้จากการสื่อสารและศึกษาพฤติกรรมมรรยาทของชาวต่างชาติ นำมาปรับใช้กับเราเมื่อต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติได้

    ตอบลบ
  35. อ้างถึงค่ะ

    "เกิดประสิทธิภาพค่ะการสื่อสารสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้"

    ง่ะ.. เข้าใจยาก สื่อความง่ายๆ ด้วยภาษาง่ายๆ มีตัวอย่างประกอบหน่อยดิ

    18 มีนาคม, 2009 11:26

    ขอยกตัวอย่างประกอบค่ะ

    ตัวอย่างเช่นการสื่อสารผ่านระบบวิดีโอสามารถช่วยเร่งกระบวนการสร้างความสัมพันธ์ในสังคมที่บริบทเน้นเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเน้นการใช้สถานการณ์แวดล้อม หรือ ภาษาท่าทางสื่อสารแทนคำพูดตรง ๆ (High context culture) เช่นจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งการจะสร้างสัมพันธภาพที่ดีได้นั้นขึ้นอยู่กับความไว้วางใจและการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ในทางกลับกันประเทศเช่น เยอรมัน สวีเดนและเดนมาร์กมีบริบททางสังคมแบบ Low context culture ซึ่งปฎิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะเป็นไปแบบห่าง ๆ มีลักษณะเป็นทางการ และให้ความเคารพต่อบุคคลแต่ละคนโดยเท่าเทียมกันไม่คำนึงถึงความแตกต่างในเชิงตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อคนในวัฒนธรรมแบบ Low context culture มีปฏิสัมพันธ์กับคนจากวัฒนธรรม High context culture ที่ยึดถือเรื่องของระดับชั้นทางสังคม หรือ ตำแหน่ง ภาษาท่าทางที่แสดงออกเป็นนัยถึงความเคารพผ่านทางข้อมูลภาพในระบบการสื่อสารแบบวิดีโอจะช่วยลดช่องว่างจากความแตกต่างเหล่านั้น

    ขอบคุณค่ะ

    พลอยรัตน์

    ตอบลบ
  36. ไม่ระบุชื่อ26 มีนาคม, 2552 12:11

    สาโรจน์ ไวยคงคา 50524-0007
    1. การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เหตุผลในข้อดีได้แก่ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก เกิดการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ซึ่งในโลกของตนอาจมีขอบเขตจำกัดในการเรียนรู้ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นการเปิดกว้าง เปิดมุมมองใหม่ๆ ซึ่งการสื่อสารในปัจจุบันสามารถทำได้อย่างรวดเร็วซึ่งเปรียบเสมือนการสื่อสารของทั้งสองโลกไม่มีสิ่งขวางกั้น อยู่ในรูปแบบของโลกไร้พรมแดนเลยก็ว่าได้
    เหตุผลในด้านลบได้แก่ การที่โลกทั้งสองโลกมาพบกัน เกิดการรู้จักกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ส่งผลให้การแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสาร วัฒนธรรม สามารถไหลไปสู่ซึ่งกันและกัน วัฒนธรรมเกิดรูปแบบที่เรียกว่าการครอบงำวัฒนธรรม วัฒนธรรมของตนเองอาจถูกผสมผสานกับวัฒนธรรมใหม่ ส่งผลให้วัฒนธรรมดั้งเดิมอาจสูญหายไป และนำมาสู่การรูปแบบ กระแส และสิ่งต่างๆขึ้นมากมาย จนสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน เช่นกระแสเกาหลีฟีเวอร์เป็นต้น
    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    สืบเนื่องจากเหตุผลข้อที่หนึ่ง การสื่อสารนำพามาซึ่งการแลกเปลี่ยนในสิ่งต่างๆ ซึ่งกันและกัน ซึ่งการสื่อสารมีการพัฒนาการจากยุคเดิมมาสู่ในปัจจุบันซึ่งเป็นโลกการสื่อสารแบบไร้พรมแดน ซึ่งไร้ขอบเขตจำกัด ทำให้การรับ , การเรียนรู้ จากโลกฝ่ายตรงข้ามเกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรม คนไทยย่อมได้รับวัฒนธรรมจากโลกฝ่ายตรงข้ามเช่นเดียวกัน เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น ภาษา การแต่งกายและสิ่งอื่นๆ อีกมามาย ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างในปัจจุบัน เช่นคนไทยใส่กางเกงยีนส์ลีวาย แสดงว่าคนไทยได้รับอิธิพล ได้รับวัฒนธรรมมาจากต่างชาติที่ใส่กางเกงยีนส์ลีวาย เป็นต้น
    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    เหตุการณ์ดังกล่าวมีอยู่หลายด้าน ในด้านของการค้าขายในประวัติศาสตร์ ไทยมีการติดต่อการชาวต่างชาติในด้านการค้า ซึ่งประเทศที่มาติดต่อกับไทยในชาติแรกๆ ได้แก่ โปรตุเกส จีน ซึ่งเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้า และนำวัฒนธรรมมาสู่ซึ่งกันและกันอีกด้วย ในด้านการทำสงครามต่อสู้เพื่อรักษาอิสรภาพของประเทศในด้านนี้เป็นเหตุการณที่ประเทศไทยที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติที่เป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งถือว่าในระหว่างการทำสงครามรูปแบบ ในการทำสงครามย่อมมีความแตกต่างกัน ทำให้เกิดการเรียนรู้รูปแบบในการต่อสู่ซึ่งกันและกัน เช่น ประเทศไทยใช้ดาบ แต่เมื่อต้อต่อสู่ทำสงครามกับชาวต่างชาติที่ใช้ปืน ประเทศไทยก็ย่อมเปลี่ยนรูปแบบมาใช้ปืนบ้างเพื่การต่อสู้ที่เท่าเทียมกัน

    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    ทำให้เราสามารถมีการเรียนรู้เบื้องต้น ก่อนเข้าทำการสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรม การรับรู้ ข้อปฏิบัติ วัฒนธรรมของฝ่ายตรงข้าม เป็นสิ่งที่เราต้องพึงระวังในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งในบางครั้งความแตกต่างในรูปแบบของวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการสื่อสารแต่ถ้าเราสามารถรู้ประวัติศาสตร์ของคนต่างวัฒนธรรมก่อนจะทำให้การสื่อสารเป็นไปในรูปแบบที่ราบรื่น หลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นได้

    ตอบลบ
  37. สื่อต่างๆที่ออกมานั้นล้วนแล้วเป็นการนำขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมเอามารวมกัน อย่างเช่นใน
    ข้อที่ 1.เป็นการผสมผสานความเป็นเชื้อชาติและภาษาที่แตกต่างกันเข้ามาร่วมกันเพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นวัฒนธรรมตะวันตกที่สามารถเอามาประยุก์ให้กลมกลืนกับวัฒนธรรมเอเชีย เพื่อรวมกันให้เป็นประเภทเดียวได้อย่างกลมกลืน
    ข้อที่2.ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากคนไทย เมื่อมองสภาพการในปัจจุบันโดยนิสัยหรือที่เราเรียกว่าตามสันดร ของคนไทยแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย
    เพราะมันคือเรื่องของพวกการเมืองมากว่าแต่ว่าอย่างว่าละไม่ใช่เรื่องตัวสนใจทำเพื่อ.....
    ข้อที่ 3 มากมายอะตั้งแต่สมัยพ่อขุมเมงรายและพ่อขุนผาเมืองและ ติดต่อกะจีนมาโดยตลอดเลย จนมาถึงสมัยอยุธยา แล้วก็ปัจจุบัน มีการติดต่อกับต่างชาติมาดดยตลอดเลย เนื่องจากเรามีการส่งออกและการผูกมิตรสุมพันธ์กับต่างชาติตลอดเวลา ก็อย่างที่เห็นว่าคนไทยเราเป็นมิตรมากน้อยเพียงใด
    ข้อที่ 4 การเข้าใจถึงประวัติศาสตร์คือการเข้าใจและการกระทำที่ผิดพลาดที่ผ่านๆมาที่เกิดขึ้นแต่ประวัติศาสตร์บางครั้งก็คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่เหมือนกันที่เป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันจางแต่บางประวัติศาสตณืนั้นคนไทยเราก็ไม่เคยคิดที่จะจำ ยังปล่อยให้มันซ้ำรอยเดิม แถมยังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ไม่รู้จักจบาสิ้น เพราะความเอาแต่ตัวเองเป็รที่ตั้งเลยไม่แปลกว่าประเทศไทยคือประเทศที่ด้อยพัฒนา(ความคิดสติปัญญา)เพราะเรื่องราวบางเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่คนไทยเองนี้แหละไม่เคยแม้แต่จะมองมันแล้วแก้ไขเพียงมองแค่เว่าสิ่งที่เกกิดขึ้นคืออะไรแลฃ้วจะล้อมคอกอย่างไรเมื่อวัวมันหายไปแล515260001

    ตอบลบ
  38. ไม่ระบุชื่อ26 มีนาคม, 2552 15:51

    ธนิดา 515260010 แก้ไข

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?


    1.มีทั้งดีและไม่ดี ทำให้เรารู้จักโลกตะวันมากขึ้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง และส่วนใหญ่จะเป็นความพยายามในการเผยแพร่วัฒนธรรมของตะวันตกให้กับตะวันออก และตะวันตกยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ล่าอาณานิคม เห็นได้จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศในแถบตะวันตก สิ่งที่ดีก็มี คือ มีการแลกเปลี่ยนสินค้า ค้าขาย มีความพัฒนาเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม


    2.คนไทยได้รับผลกระทบ ด้านภาษา ที่ต้องหัดพูดภาษาต่างชาติ วัฒนธรรม การแต่งกาย การกินการรับประทานบนโต๊ะอาหาร ห้ามการเคี้ยวหมากในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม


    3.การทำสนธิสัญญาเบาริ่ง สนธิสัญญาเบาว์ริง (Bowring treaty) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศสยามกับอังกฤษ ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 4 โดย เซอร์ จอห์น เบาว์ริง (Sir. John Bowring) ได้เชิญพระราชสาสน์ของ สมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย พร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการเข้ามาทำสนธิสัญญาทางไมตรี คณะของเบาว์ริงเดินทางมาถึงปากน้ำเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2398 ในสมัยนั้นชาวตะวันตกได้เข้ามาทำการค้าและล่าอาณานิคมกับประเทศแถบตะวันออกมากขึ้น รัชกาลที่ 4 ได้ตระหนักถึงภัยจากลิทธิจักวรรดินิยม จึงยอมตกลงทำสัญญาทางการค้าเพื่อรักษาเอกราช แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียอำนาจอธิปไตยทางการศาล และมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต เกิดขึ้น สนธิสัญญาเบาว์ริงทำให้เกิด การค้าเสรี ถือเป็นการสิ้นสุดของการผูกขาดการค้าต่างประเทศ โดยพระคลังสินค้าของกษัตริย์และเจ้านายสยาม ต่อมา สนธิสัญญาเบาว์ริงได้กลายเป็นต้นแบบของการทำสนธิสัญญาทางการค้ากับประเทศต่าง ๆ ที่เข้ามาเจรจากับสยาม สนธิสัญญาเบาว์ริงใช้บังคับอยู่นานกว่า 70 ปี จนกระทั่งมีการแก้ไขและค่อย ๆ ยกเลิกไปในสมัยรัชกาลที่ 6 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง

    สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลานั้น ทหารญี่ปุ่นจำนวนมากได้เข้าสู่พระนครเต็มไปหมด และได้ใช้สถานที่ทางราชการบางแห่งเป็นที่ทำการ รัฐบาลได้ประกาศให้ญี่ปุ่นเป็น มหามิตร ประชาชนทุกคนต้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนกับทางญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ การกระทำใด ๆ ที่เป็นปรปักษ์มีโทษถึงประหารชีวิต แต่ก็มีประชาชนบางส่วนลับหลังได้เรียกญี่ปุ่นอย่างดูถูกว่า "ไอ้ยุ่น" หรือ "หมามิตร" หลังจากฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดครั้งแรก รัฐบาลไทยก็ประกาศสงครามกับอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส

    ร.5 เสด็จประพาส รัสเซีย
    เสด็จประพาสรัสเซียในปี 2440 เป็นเวลานานถึง 8 เดือน ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ที่พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ ได้ถูกส่งไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรป และได้ลงในหนังสือพิมพ์ LIllustration ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ก้อเพื่อป้องกัยมิให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเพิ่มเติมจาก ประเทศล่าอาณานิคม ในตอนนั้น ฝรั่งเศษ และอังกฤษ


    4.เราเข้าใจถึงวัฒนธรรมของคนต่างชาติ เรารับรู้ข้อห้ามและข้อปฏิบัติ ที่ต้องมีในการสนทนา เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในการสื่อสาร

    ตอบลบ
  39. ไม่ระบุชื่อ27 มีนาคม, 2552 15:05

    สธน ชุ่มเกษร 515220005

    1.การพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตมา เป็นสิ่งดีหรือเปล่า?
    -เป็นสิ่งที่ดีนะครับ เพราะการพบกันระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออกตั้งแต่อดีตนั้น ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษา การแต่งกาย และยังมีการค้าขายกันอีกด้วยครับ

    2.คนไทยได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างไหม จากเหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น?
    -คนไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่ได้รับเอาวัฒนธรรมจากตางชาติ มาใช้กับชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นภาษา ที่เด็กไทยในปัจจุบันส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยตัวเองจะไม่ชัดกันอยู่แล้ว และการแต่งกาย ที่เรียนแบบวัฒนธรรมต่างชาติมากจนเกินไป ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่ลืมวัฒนธรรมที่ดีๆของไทยไปหมด

    3.จำได้ไหมว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับต่างชาติมีเหตุการณ์อะไรบ้าง?
    -พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาล ที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใหญ่หลวงแก่ประเทศสยามในเวลาต่อมา นั่นคือ ความอยู่รอดปลอดภัยและการสามารถธำรงความเป็นเอกราชมาได้เพียงชาติเดียวในภูมิภาคนี้


    4.การเข้าใจประวัติศาสตร์ทำให้เราสื่อสารกับคนต่างวัฒนธรรมได้ดีขึ้นอย่างไร?
    -ทำให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมต่างๆของคนต่างชาติ ทำให้ก่อนที่เราจะเข้าไปสือสารกันคนต่างชาติ เราควรจะรู้ว่าเค้ามีวัฒนธรรมเช่นไร จะได้รู้ว่าเราควรจะใช้ภาษาพูดอยางไร เพื่อที่จะได้ไม่ให้เกิดปัญหาในการสือสารกัน

    ตอบลบ